เจาะลึกวิทยากร AI ชั้นนำของไทย 2024 และเทรนด์ปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ควรพลาด
ปี 2024 ถือเป็นปีแห่งการปฏิวัติทางปัญญาประดิษฐ์อย่างแท้จริงในประเทศไทย กระแส AI ไม่ได้เป็นเพียงคำศัพท์ทางเทคนิคที่ลอยอยู่ในอากาศอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ก่อให้เกิดความต้องการมหาศาลในการเรียนรู้และปรับตัว องค์กรต่าง ๆ แสวงหาความรู้เพื่อนำ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนี่คือจุดที่บทบาทของ "วิทยากร AI" ทวีความสำคัญขึ้นอย่างยิ่งยวด พวกเขาไม่ใช่แค่ผู้สอน แต่เป็นผู้นำทางความคิด เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทคโนโลยีที่ซับซ้อนกับโลกธุรกิจที่จับต้องได้ การเลือกวิทยากรที่เหมาะสมจึงเปรียบเสมือนการลงทุนในเข็มทิศที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
การเป็นวิทยากร AI ที่ยอดเยี่ยมในปีนี้ไปไกลกว่าการมีความรู้ทางเทคนิคหรือการเขียนโค้ดได้ แต่คือความสามารถในการ "เล่าเรื่อง" หรือ Storytelling ที่ทรงพลัง เขาสามารถย่อยข้อมูลที่ซับซ้อนเกี่ยวกับ Neural Networks หรือ Large Language Models ให้กลายเป็นเรื่องราวที่น่าติดตามและเข้าใจง่ายสำหรับผู้ฟังที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคโดยตรง วิทยากรชั้นนำจะต้องสามารถเชื่อมโยงแนวคิดของปัญญาประดิษฐ์เข้ากับปัญหาและความท้าทายทางธุรกิจที่เกิดขึ้นจริงในบริบทของประเทศไทยได้อย่างแนบเนียน พวกเขาต้องตอบคำถามสำคัญที่อยู่ในใจของผู้บริหารและทีมงานได้ว่า AI จะช่วยเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน หรือสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างไร ความสามารถในการสื่อสารที่ชัดเจนประกอบกับความเข้าใจในธุรกิจอย่างลึกซึ้งจึงเป็นคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับวิทยากร AI แห่งยุค
เทคนิค AI ล่าสุดที่วิทยากรชั้นนำต้องถ่ายทอดได้
เมื่อพูดถึงเทคนิคปัญญาประดิษฐ์ล่าสุดที่วิทยากรแถวหน้าต้องเชี่ยวชาญ แน่นอนว่า Generative AI ยังคงเป็นพระเอกหลัก แต่ความเข้าใจต้องลึกซึ้งกว่าแค่การใช้ ChatGPT เพื่อถามตอบทั่วไป วิทยากร AI ที่ดีที่สุดจะสามารถอธิบายและสาธิตศักยภาพของ Multimodal AI ซึ่งเป็นโมเดลที่สามารถเข้าใจและสร้างสรรค์เนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบพร้อมกัน ทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ พวกเขาจะแสดงให้เห็นกรณีศึกษาที่น่าทึ่งว่าธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อสร้างแคมเปญการตลาดที่สมจริง สร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์ในเวลาไม่กี่นาที หรือแม้กระทั่งช่วยเขียนโปรแกรมเพื่อลดภาระงานของนักพัฒนา การถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่การบรรยาย แต่รวมถึงการจัดเวิร์คช็อปที่ให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้พวกเขาเห็นภาพและเกิดความมั่นใจในการนำไปประยุกต์ใช้
นอกเหนือจาก Generative AI แล้วยังมีอีกสองเทรนด์ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ Explainable AI (XAI) หรือปัญญาประดิษฐ์ที่อธิบายได้ และ Reinforcement Learning from Human Feedback (RLHF) ในโลกธุรกิจที่ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ XAI เข้ามาตอบโจทย์โดยการทำให้เราเข้าใจได้ว่าโมเดล AI ตัดสินใจหรือให้คำตอบนั้น ๆ ออกมาเพราะอะไร วิทยากรที่เก่งกาจจะสามารถอธิบายหลักการของ XAI ได้อย่างเห็นภาพ ทำให้องค์กรสามารถนำ AI ไปใช้ในส่วนงานที่ละเอียดอ่อน เช่น การอนุมัติสินเชื่อ หรือการวินิจฉัยทางการแพทย์ ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ขณะที่ RLHF คือเทคนิคเบื้องหลังที่ทำให้ AI อย่าง ChatGPT มีความสามารถในการสนทนาที่สอดคล้องกับความต้องการและค่านิยมของมนุษย์ การเข้าใจหลักการนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาแชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือนที่สร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง
รูปแบบของวิทยากร AI ที่คุณจะได้พบในปัจจุบัน
ในแวดวงวิทยากร AI ของไทยเราจะพบผู้เชี่ยวชาญหลากหลายรูปแบบ แต่ละท่านมีจุดเด่นและสไตล์การถ่ายทอดที่แตกต่างกันออกไป กลุ่มแรกคือ "นักวิชาการผู้ลุ่มลึก" ซึ่งมักมาจากสถาบันการศึกษาชั้นนำ มีความเข้าใจในทฤษฎีและงานวิจัยเบื้องหลังอัลกอริทึมอย่างถ่องแท้ การบรรยายของพวกเขาจะเต็มไปด้วยหลักการที่หนักแน่นและช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจถึงแก่นแท้ของเทคโนโลยี กลุ่มที่สองคือ "ผู้คร่ำหวอดจากองค์กรเทคยักษ์ใหญ่" ผู้มีประสบการณ์ตรงในการนำ AI ไปปรับใช้ในสเกลขนาดใหญ่ พวกเขาจะเน้นกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จจริง บอกเล่าความท้าทายและแนวทางแก้ไขที่ใช้ได้ผลจริงในโลกธุรกิจ และกลุ่มสุดท้ายคือ "นวัตกรจากสตาร์ทอัพ" ที่มีความคล่องตัวสูงและมุ่งเน้นการนำ AI มาใช้สร้างความเปลี่ยนแปลงหรือ Disrupt อุตสาหกรรมเดิม ๆ พวกเขามักจะนำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นและสร้างแรงบันดาลใจให้องค์กรกล้าที่จะทดลองและแตกต่าง
การเลือกวิทยากร AI ที่ใช่ กุญแจสู่การปลดล็อกศักยภาพองค์กร
การตัดสินใจเลือกวิทยากร AI ที่ใช่สำหรับองค์กรของคุณจึงไม่ใช่เรื่องของการมองหาคนที่ดังที่สุด แต่เป็นการค้นหาผู้ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะทางได้อย่างแท้จริง องค์กรที่ต้องการเพียงสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทีมผู้บริหารอาจมองหาวิทยากรที่เป็นนวัตกรหรือผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลเพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในขณะที่องค์กรที่ต้องการพัฒนาทักษะเชิงลึกให้แก่ทีมเทคนิคก็จำเป็นต้องเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทางทฤษฎีและปฏิบัติอย่างแน่นแฟ้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ความเข้าใจในเป้าหมายของตัวเองจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเดินทางสายนี้ วิทยากรที่ยอดเยี่ยมจะทำการบ้านอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจบริบทของธุรกิจคุณ พวกเขาจะไม่ได้นำเสนอเนื้อหาสำเร็จรูปที่ใช้กับทุกองค์กร แต่จะปรับแต่งกรณีศึกษาและตัวอย่างให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมและความท้าทายที่คุณเผชิญอยู่โดยตรง การสื่อสารระหว่างองค์กรและวิทยากรก่อนวันจัดงานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเพื่อให้การถ่ายทอดความรู้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือกวิทยากร AI และการจัดอบรม
เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถตัดสินใจและเตรียมความพร้อมได้ดียิ่งขึ้น นี่คือชุดคำถามที่มักถูกถามบ่อยครั้งเมื่อต้องพิจารณาจัดอบรมหรือเชิญวิทยากรด้านปัญญาประดิษฐ์มาให้ความรู้แก่ทีมงาน
คำถามข้อที่ 1 เราควรเลือกวิทยากร AI จากสายวิชาการหรือสายธุรกิจ
คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ฟังและวัตถุประสงค์หลักของการจัดงาน หากผู้ฟังคือทีมพัฒนาหรือวิศวกรที่ต้องการความเข้าใจในอัลกอริทึมและคณิตศาสตร์เบื้องหลัง วิทยากรสายวิชาการจะตอบโจทย์ได้ดีเยี่ยมเพราะมีความลึกซึ้งในทฤษฎี แต่หากผู้ฟังคือฝ่ายบริหาร ฝ่ายการตลาด หรือฝ่ายขายที่ต้องการเห็นภาพการนำไปใช้จริงและผลลัพธ์ทางธุรกิจ วิทยากรที่มาจากโลกธุรกิจหรือเป็นที่ปรึกษาจะมีกรณีศึกษาและมุมมองเชิงกลยุทธ์ที่จับต้องได้มากกว่า ในสถานการณ์ที่ดีที่สุดคือการหาวิทยากรที่สามารถผสมผสานทั้งสองโลกเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว
คำถามข้อที่ 2 การจัดอบรม AI ภายในองค์กรต้องเตรียมตัวอย่างไร
การเตรียมตัวที่ดีคือหัวใจของความสำเร็จ ขั้นแรกองค์กรต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าอยากให้ผู้เข้าร่วมได้อะไรกลับไปจากการอบรมครั้งนี้ ขั้นต่อมาคือการสำรวจระดับความรู้พื้นฐานของผู้เข้าร่วมเพื่อแจ้งให้วิทยากรทราบและปรับเนื้อหาให้เหมาะสม การเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาหรือความท้าทายทางธุรกิจที่องค์กรกำลังเผชิญเพื่อให้วิทยากรนำไปใช้เป็นโจทย์ในเวิร์คช็อปจะทำให้การเรียนรู้มีประโยชน์อย่างยิ่ง และสุดท้ายคือการเตรียมความพร้อมด้านสถานที่และอุปกรณ์เทคนิคให้ราบรื่น
คำถามข้อที่ 3 วิทยากรที่ดีควรมีผลงานอะไรมายืนยันความสามารถ
คุณสามารถขอดูแฟ้มผลงานหรือ Portfolio ของวิทยากรได้ ซึ่งควรรวมถึงรายชื่อองค์กรชั้นนำที่เคยใช้บริการ วิดีโอบันทึกการบรรยายในงานสัมมนาต่างๆ เพื่อให้เห็นสไตล์การพูดและการนำเสนอ บทความที่เขาเคยเขียนหรือบทสัมภาษณ์ที่เคยให้ไว้กับสื่อต่างๆ คำนิยมจากลูกค้าเก่า และที่สำคัญคือประสบการณ์ในการทำโครงการ AI จริงๆ ที่ไม่ใช่แค่การบรรยายเพียงอย่างเดียว สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญที่แท้จริง
คำถามข้อที่ 4 ระยะเวลาในการอบรมที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่
ระยะเวลาที่เหมาะสมนั้นแตกต่างกันไป หากต้องการเพียงภาพรวมกว้างๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริหารระดับสูง การบรรยาย 2-3 ชั่วโมงก็อาจเพียงพอ หากต้องการให้ทีมงานเข้าใจและเห็นภาพการประยุกต์ใช้ การอบรมเต็มวันซึ่งมีทั้งภาคบรรยายและภาคปฏิบัติจะเหมาะสมกว่า แต่ถ้าต้องการสร้างทักษะใหม่ๆ อย่างจริงจัง การจัดอบรมแบบบูทแคมป์ต่อเนื่องหลายวันจะเป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
คำถามข้อที่ 5 จะวัดผลความสำเร็จของการอบรม AI ได้อย่างไร
การวัดผลไม่ควรหยุดอยู่แค่แบบประเมินความพึงพอใจหลังจบงาน องค์กรสามารถวัดผลได้จากแบบทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการอบรมเพื่อดูพัฒนาการที่เกิดขึ้น การติดตามจำนวนโครงการหรือไอเดียใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งถูกเสนอขึ้นโดยพนักงานหลังจากการอบรม และในระยะยาวคือการวัดผลกระทบต่อตัวชี้วัดทางธุรกิจโดยตรง เช่น การลดลงของต้นทุน การเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพ หรือการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ใช้ AI
คำถามข้อที่ 6 ค่าใช้จ่ายในการจ้างวิทยากร AI อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
อัตราค่าบริการของวิทยากร AI มีความหลากหลายสูงมาก ขึ้นอยู่กับชื่อเสียง ประสบการณ์ ความยาวของเซสชัน และระดับความซับซ้อนของการปรับเนื้อหาให้เข้ากับองค์กรโดยเฉพาะ องค์กรควรมองว่านี่คือการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด การลงทุนเพื่อให้ทีมงานมีความรู้ความสามารถทัดเทียมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปย่อมสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว
คำถามข้อที่ 7 วิทยากร AI สามารถช่วยวางกลยุทธ์ AI ให้องค์กรได้หรือไม่
วิทยากรชั้นนำจำนวนมากไม่ได้ทำหน้าที่แค่บรรยาย แต่ยังเป็นที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย พวกเขาสามารถจัดเวิร์คช็อปเชิงกลยุทธ์เพื่อช่วยให้ทีมผู้บริหารสามารถระดมสมองและสร้างแผนที่นำทางหรือ AI Roadmap สำหรับองค์กรได้ การมีคนนอกที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยอำนวยกระบวนการมักจะช่วยให้ได้มุมมองที่สดใหม่และเป็นกลาง
คำถามข้อที่ 8 ทำไมการเล่าเรื่องหรือ Storytelling ถึงสำคัญสำหรับวิทยากร AI
เพราะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคและแนวคิดที่เป็นนามธรรม การเล่าเรื่องที่ดึงดูดใจจะช่วยแปลงข้อมูลที่ซับซ้อนให้กลายเป็นสิ่งที่ผู้ฟังเข้าถึงได้ง่าย จดจำได้นาน และรู้สึกมีอารมณ์ร่วม เรื่องราวของความสำเร็จหรือแม้แต่ความล้มเหลวในการนำ AI มาใช้จะสร้างบทเรียนที่ทรงพลังกว่าการอธิบายทฤษฎีแห้งๆ เพียงอย่างเดียว
คำถามข้อที่ 9 นอกจากการบรรยายแล้วมีกิจกรรมอื่นใดที่ควรมีในการอบรม
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการมีส่วนร่วม กิจกรรมที่ควรมีเพิ่มเติมคือเวิร์คช็อปให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือทำจริง การสาธิตการใช้งานเครื่องมือ AI แบบสดๆ การแบ่งกลุ่มระดมสมองเพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจโดยใช้ AI การวิเคราะห์กรณีศึกษาจากบริษัทอื่น และการเปิดโอกาสให้ซักถามได้อย่างเต็มที่โดยใช้โจทย์จริงจากที่ทำงานของผู้เข้าร่วมเอง
คำถามข้อที่ 10 เราจะหาข้อมูลวิทยากร AI ชั้นนำของไทยได้จากที่ไหน
ท่านสามารถค้นหาได้จากหลายช่องทาง เช่น การติดตามรายชื่อผู้บรรยายในงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีและธุรกิจชั้นนำของประเทศ การติดต่อผ่านเครือข่ายนักวิชาการในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และวิทยาการข้อมูล การค้นหาผ่านแพลตฟอร์มสำหรับมืออาชีพอย่าง LinkedIn หรือการติดต่อผ่านบริษัทที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านการ chuyển đổi số (Digital Transformation) โดยตรง การเลือกเฟ้นหาผู้มีความรู้ความสามารถที่พร้อมจะแบ่งปันประสบการณ์คือการลงทุนที่ชาญฉลาดสำหรับทุกองค์กรที่ต้องการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์นี้
สำหรับองค์กรที่กำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญที่จะมาเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกของ AI และเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ
ติดต่อ วิทยากร ai อาจารย์แชมป์ ธิติพล เทียมจันทร์
โทร 0631979894 หรือ ทักไลน์ https://line.me/ti/p/@brandingchamp
เยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.thitiphon.com/ai
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น